ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี ฉีดแล้วอันตรายมั้ย มีผลข้างเคียงอะไรหรือเปล่า
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี ฉีดแล้วอันตรายมั้ย มีผลข้างเคียงอะไรหรือเปล่า
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี ฉีดแล้วอันตรายมั้ย มีผลข้างเคียงอะไรหรือเปล่า
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีของการแพทย์เพื่อความงาม มีไว้สำหรับแก้ปัญหารอบดวงตา ไม่ว่าจะตาคล้ำ ผิวหนังรอบดวงตาเหี่ยวย่น เบ้าตาลึก ฯลฯ ได้รับความนิยมมากเพราะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด แต่ก็มีบางคนที่อาจเกิดคำถามมากมาย เช่นว่า จะไปฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี ฉีดแล้วปลอดภัยหรือไม่ หรือปัญหารอบดวงตาที่เรามีอยู่ควรไปฉีดหรือยัง
ในบทความนี้เราจึงรวบรวมคำถามเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่พบบ่อยที่สุด พร้อมคำตอบ เพื่อประกอบการตัดสินใจสำหรับใครที่สนใจอยากจะฉีด
1.ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายหรือไม่?
ตอบ: ไม่อันตราย ถ้าฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเลือกใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อที่ได้คุณภาพ
2.การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเจ็บหรือไม่ และจะเกิดผลข้างเคียงอะไรหรือไม่?
ตอบ: ก่อนฉีดฟิลเลอร์แพทย์จะใช้ยาชา ทำให้เวลาฉีดรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนผลข้างเคียงคืออาการบวม ซึ่งจะมีอยู่2 แบบ คือบวมจากการถูกปลายเข็มแทง จะเป็นแค่การบวมช้ำเล็กน้อยและอาจมีรอยแดง เพียงดูแลตัวเองตามวิธีที่แพทย์แนะนำก็จะหายได้ภายในไม่เกิน 7 วัน และสุดท้ายคือบวมเพราะฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อน เกิดจากการใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้คุณภาพและแพทย์ที่ฉีดไม่มีความเชี่ยวชาญ
3.จะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี?
คำตอบ: แนะนำให้เลือกโรงพยาบาลหรือคลินิกที่ได้มาตรฐาน ดูให้แน่ใจว่าทีมแพทย์เป็นผู้เชี่ยวชาญจริงๆ และควรเปรียบเทียบราคาของหลายๆที่ด้วย เพราะคนไข้แต่ละคนมีปัญหารอบดวงตาที่แตกต่างกัน ดังนั้นราคาอาจไม่เหมือนกัน
4.ใครควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาบ้าง?
คำตอบ: จริงๆแล้วปัญหารอบดวงตาบางอย่างสามารถป้องกันและแก้ได้ด้วยตนเอง เช่น ถ้าใต้ตาคล้ำ ให้พยายามพักผ่อนมากๆ อย่านอนดึก อย่าใช้สายตาติดต่อกันนาน และอาจใช้อายครีมประกอบกัน แต่สำหรับบางคนที่มีปัญหามานาน ลองแก้แล้วทุกวิธีแต่ไม่ได้ผล ก็แนะนำว่าควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะดีกว่า
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไม่ใช่เรื่องน่ากลัว หากเลือกสถานพยาบาลดีๆก็จะสามารถแก้ปัญหาผิวหนังรอบดวงตาได้อย่างแน่นอน แต่หากใครยังไม่มั่นใจที่จะฉีดจริงๆ ว่าจะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี แนะนำให้ดูรีวิวของคนไข้ที่เคยฉีดหลายๆเคส จะได้เป็นการเลือกสถานพยาบาลไปด้วยในตัว และเมื่อได้สถานพยาบาลที่รู้สึกว่าน่าไว้ใจแล้ว ก็แนะนำให้ลองไปปรึกษาแพทย์ดูเพื่อประกอบการตัดสินใจอีกทาง
13 มกราคม 2565
ผู้ชม 194 ครั้ง